บทเรียนการตลาด จากภาพยนตร์เรื่อง The Social Network

หลาย ๆคนคงได้ชม ภาพยนตร์เรื่อง The social Network กันมาแล้วเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งภาพยนตร์นี้ ได้นำเสนอมุมมองทางการตลาด ไว้พอสมควร

โครงเรื่องของ The Social Network  อย่างที่ทราบกันคือ เป็นเรื่องราวของการก่อตั้งเว็บไซท์อันโด่งดังที่ชื่อ Facebook   จากมุมมองของ 2 ผู้ก่อตั้ง Eduardo Saverin  และ Mark Zuckerberg  ในภาพยนตร์แสดงให้เห็นว่า Mark Zuckerberg  นั้นมีความฉลาดปราดเปรื่อง แต่งเรื่องการใช้ชีวิตในสังคม จะออกแนว ค่อนข้างเปิ่น ๆ มีอัตตาสูง (มีความเป็นตัวเองสูง)  เขาเริ่มสร้างเว็บที่ทำให้เกิดสังคมออนไลน์ขึ้น  โดยเริ่มจากภายในมหาวิทยาลัย เว็บที่เค้าสร้างนั้นทำให้ผู้ใช้นั้นเชื่อมต่อ แชร์เรื่องราวต่าง ๆ ระหว่างผู้ใช้เข้าด้วยกันเป็นสังคมออนไลน์ ภายหลังจากนั้น บริษัทของ Mark Zuckerberg  มีมูลค่าถึง 25 พันล้านดอลล่าร์ และมีผู้ใช้รวมกันทั่วโลก 500 ล้านคน และถึงแม้เค้าจะสร้าง Social Network ที่ใหญ่ที่สุดของโลก แต่ตัวเค้าเองกลับเป็นคนที่ขาด Interpersonal skill  และเหมือนเป็นคนที่อ่อนสังคม อันนำมาซึ่งเรื่องราวของความขัดแย้งในที่สุด

บทเรียนทางการตลาดที่ได้จากหนังเรื่องนี้..

1.       Ads are not cool อย่างหนึ่งที่ Mark และ Eduardo มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน  โดยที่ Mark มีความเห็นชัดเจน ที่จะไม่ต้องการใส่โฆษณาไว้บนหน้าเว็บของ facebook ในขณะที่ Eduardo คิดถึงแต่ว่านั่นเป็นสิ่งที่จะสร้างเงินสร้างรายได้ให้กับเว็บ  ส่วน Mark กล่าวว่า “เหตุผลหนึ่งที่ว่าเว็บไซต์ประสบความสำเร็จก็เป็นเพราะว่ามันเจ๋งหรือ Cool และเขาก็เป็นห่วงว่าถ้าคนเริ่มเห็นโฆษณามัน อาจจะทำให้มันเจ๊ง  หรือ Uncool”

บทเรียนจากส่วนนี้ก็คือ : หลายคนไม่ชอบโฆษณา และพวกเขาว่าเป็นสิ่งที่น่ารำคาญหรือ Uncool  หากคุณ ต้องการที่จะทำการตลาดให้กับผู้ชมที่ไม่ชอบโฆษณาอย่างมาก ๆ แล้ว ควรคิดหาช่องทางอื่นที่มันอาจจะมีประสิทธิภาพมากกว่าในการเข้าถึงพวกเขาผ่านช่องทางการตลาดอื่น ๆ

2.       Use key influencers to spread your idea การใช้ Influencers ผู้ที่มีบทบาท หรือ ผู้นำทางความคิด /Trend  เป็นผู้เผยแพร่ความคิดของคุณ

จากฉากหนึ่งในภาพยนตร์  หลังจากที่ Mark Zuckerberg อัพโหลดเว็บไซท์ Facebook ออนไลน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาได้ชักจูงให้ Eduardo ส่งรายชื่ออีเมล์ของ Phoenix SK Club, Exclusive คลับในมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดให้กับเขา หลังจากนั้น เว็บไซท์ได้เผยแพร่ไปอย่างรวดเร็ว และเพิ่มจำนวนผู้ใช้ที่มหาวิทยาลัย ให้มีจำนวนมากขึ้น ๆ อย่างรวดเร็วอีกด้วย

บทเรียนการตลาด : ควรพยายามที่จะเข้าถึงกลุ่มคนที่มีอิทธิพลทางความคิด และพร้อมที่จะพูดถึง เขียนถึง Brand หรือ สินค้า และบริการของเรา และให้พวกเขาเหล่านั้นเล่าเรื่องที่เราอยากจะสื่อสาร กับกลุ่มเป้าหมายแทน

3.       Build word of mouth into the product สร้าง word of mouth หรือทำให้ Brand สินค้า หรือบริการให้เป็นที่กล่าวถึง

สิ่งที่ Facebook ได้ให้กับนักศึกษา Harvard คือการทำให้ นักศึกษาได้เข้าไปดู รูปภาพ ข้อมูลส่วนตัว Profile สถานภาพ ของสมาชิกของแต่ละคนได้ในเว็บไซท์ และสิ่งที่เป็นที่โดนใจต่อนักศึกษา Harvard ในตอนนั้นก็คือ การอัพเดทสถานะ Dating Status หลังจาก facebook ได้เปิดให้ใช้บริการส่วนสำคัญส่วนนี้แก่นักศึกษาในมหาวิทยาลัย Harvard สิ่ง ๆ นี้ได้สร้างความพึงพอใจ่ต่อผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้ใช้เว็บไซท์เกิดการบอกต่อไปยังเพื่อน ๆ ของตนเอง นี้เป็นสาเหตุ และส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้เว็บไซท์มีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นมหาศาลภายในระยะเวลาอันสั้น

บทเรียนการตลาด : Brand หรือสินค้า บริการใดที่สามารถปรับปรุงสถานะทางสังคมของผู้ใช้ นั้นจะมีส่วนส่งเสริมให้เกิดการพูดถึง บอกต่อ WOM (Word of Mouth)

4.       Make your product exclusive ทำให้ผลิตภัณฑ์ สินค้า บริการของเราเป็นเพียงหนึ่งเดียว Exclusive หรือ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว   เมื่อคู่แฝด Winklevoss บอก Mark Zuckerberg ในครั้งแรกถึงไอเดียที่จะทำ Harvard Social site   Mark ได้ถามกลับไปว่าเว็บไซท์นี้จะต่างจาก Myspace และ Friendster อย่างไร ? คู่แฝดได้ตอบว่า ความแตกต่างนั้นก็คือ ผู้ที่เข้ามาใช้งานเว็บนั้นต้องการ อีเมล์ของนักศึกษาที่เรียนอยู่ที่ Harvard  จากนั้น Mark จึงได้เห็นคุณค่าของ ความเป็นเอกลักษณ์ ( Exclusivity)  อย่างที่ Mark ก็เห็นผลประโยชน์ในการเข้าไปสู่ Exclusive Final clubs ของมหาวิทยาลัย Harvard ว่าจะสามารถทำให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้น

บทเรียนการตลาด : การที่สินค้าและบริการของเราเป็นสินค้าเดียวที่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับลูกค้า หรือผู้บริโภคได้นั้น ย่อมเป็นการเพิ่มมูลค่าการรับรู้ของสินค้าของเราด้วย


Comments

comments

Powered by Facebook Comments

RSS Feed

No comments yet.

Leave a comment!

You must be logged in to post a comment.

<<

>>